หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พัฒน์นรี ฉัตรพิสุทธิ์
 
เข้าชม : ๒๐๐๑๖ ครั้ง
พุทธธรรมสำหรับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ชื่อผู้วิจัย : พัฒน์นรี ฉัตรพิสุทธิ์ ข้อมูลวันที่ : ๒๘/๐๓/๒๐๑๘
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(พระพุทธศาสนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระครูโกศลศาสนบัณฑิต
  พระราชปริยัติมุนี,(เทียบสิริญาโณ)
  -
วันสำเร็จการศึกษา : มีนาคม 2561
 
บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

การวิจัยเรื่อง พุทธธรรมสำหรับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑) เพื่อศึกษาพฤติกรรมและปัญหาของผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  ๒) เพื่อศึกษาหลักพุทธธรรมสำหรับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ๓) เพื่อศึกษาแนวทางการนำหลักพุทธธรรมมาปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์งานวิจัยเรื่องนี้เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ  (Quantitative Research) โดยศึกษาเอกสาร (Documentary Research) และการสัมภาษณ์เชิงลึกในการกำหนดกรอบการวิจัยตามวัตถุประสงค์ รวบรวมข้อมูลด้านเอกสารอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับพุทธธรรมและการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิในการให้ข้อมูลสำคัญที่มีความเชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนาและนักวิชาการธุรกิจ โดยวิธีเชิงพรรณนา

ผลการวิจัยพบว่า การประกอบธุรกิจเป็นอาชีพที่มีบทบาทในการพัฒนาประเทศ นักธุรกิจต้องจรรโลงศรัทธาต่ออาชีพตัวเอง ทำให้ตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อผู้ร่วมอาชีพเดียวกันและสร้างให้เกิดการยอมรับบทบาทของตนให้เกิดขึ้นในสังคม การปฏิบัติตามหลักพุทธธรรมและการแสดงความรับผิดชอบจะทำให้ธุรกิจมีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปอันจะส่งให้แก่การประกอบอาชีพจริยธรรมไม่ใช่กฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับที่กำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการ หากแต่เป็นคุณค่าและหลักเกณฑ์ทางศีลธรรมหรือคุณธรรมที่เกิดจากจิตสำนึกภายในตัวในการประกอบธุรกิจควรมีหลักในการดำเนินธุรกิจและจริยธรรมธุรกิจเป็นหลักกฎเกณฑ์ในการอยู่ร่วมกันของคนในสังคมทุกๆอาชีพโดยเฉพาะในวงการธุรกิจก็สามารถนำมาใช้ประกอบในการดำเนินธุรกิจได้ความสำเร็จของธุรกิจต้องมีควบคู่กันไปทั้งด้านกำไรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทั้งปวงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเอารัดเอาเปรียบปัญหาผลกระทบระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นต้นจึงเป็นการจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีหลักธรรมเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ

หลักพุทธธรรมที่นำมาใช้ในการปฏิบัติงานทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือหลักทิฏฐธรรมประโยชน์ ๔ หลักกุลจิรัฏฐิติธรรม ๔ ปาปณิกังคะ ๓  ส่วนข้อห้ามในการประกอบธุรกิจได้แก่อบายมุข๖และมิจฉาวณิชา๕ซึ่งนำมาใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมการทำงานของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีคุณภาพและมีคุณธรรมนั้นต้องอาศัยหลักทฤษฎีและหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้ามาสนับสนุนการบริหารงานทั้งการวางแผน ระบบ และกลยุทธ์ในด้านต่าง ๆ เพื่อให้ธุรกิจได้มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในสังคมดังนั้นการนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาสามารถนำมาเป็นแนวทางการทำงานให้บรรจุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณธรรมในการประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะต้องมี๔ อย่างคือ  (๑) หลักความถูกต้อง (๒) หลักความเหมาะสม (๓) หลักความโปร่งใสและ  (๔)หลักความยุติธรรมซึ่งจะช่วยให้นึกถึงคุณธรรมที่ดีต่อไป

ส่วนการนำหลักพุทธธรรมที่ควรนำมาปฎิบัติสำหรับผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จพุทธธรรมเป็นการนำหลักพุทธธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจกับการทำงานเพื่อเป็นการยึดหลักการตามแนวพุทธทำให้มีจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเสียสละมุ่งมั่นที่จะพัฒนาองค์กรให้ทันสมัยให้เจริญให้ดีให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอดังนั้นการนำหลักพุทธธรรมมาใช้ในการทำงานถือว่าเป็นผู้มีจิตใจประกอบไปด้วยความเห็นอกเห็นใจมีความเมตตาต่อเพื่อนร่วมงานหรือลูกจ้างทั้งหลายต้องมีหลักคุณธรรมในจิตใจเพื่อสร้างความอบอุ่นการที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าประสงค์ต้องอาศัยหลักอิทธิบาท ๔ หลักสุจริต ๓ หลักพรหมวิหาร ๔ หลักอคติ ๔ และหลักสังคหวัตถุ ๔ เป็นแนวทางในการประกอบธุรกิจเพื่อทำให้มีความเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของคนในสังคมและเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ดาวน์โหลด

 

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕