หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » แม่ชีปฐมา มุทธาประนัง
 
เข้าชม : ๑๙๙๗๖ ครั้ง
ศึกษาหลักธรรมและปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในอัชฌัตตานิจจสูตร
ชื่อผู้วิจัย : แม่ชีปฐมา มุทธาประนัง ข้อมูลวันที่ : ๒๗/๐๓/๒๐๑๘
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(วิปัสนาภาวนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหาชิต ฐานชิโต
  -
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๑๙ มกราคม ๒๕๖๑
 
บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

             สารนิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ ๒ ประการ คือ เพื่อศึกษาหลักธรรมในอัชฌัตตานิจจสูตร และเพื่อศึกษาปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในอัชฌัตตานิจจสูตร โดยการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์พุทธศาสนา   เถรวาทมีพระไตรปิฎก อรรถกถา และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง นำมารวบรวม สรุปวิเคราะห์ เรียบเรียงบรรยายเชิงพรรณนา ตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ จากการศึกษาพบว่า

 

             อัชฌัตตานิจจสูตรเป็นพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสแสดงแก่พระภิกษุ โดยมีหลักธรรมสำคัญ คือ การกำหนดรู้ภาวะความเป็นจริงของอายตนะภายใน ๖ ได้แก่ จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ มโนล้วนตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และอนัตตา อายตนะภายในทุกอย่างแสดงภาวะไตรลักษณ์อยู่ตลอดเวลา เพราะว่าอายตนะภายในมีความเกิดขึ้นเบื้องต้นและการดับ
ไปเบื้องปลาย เพราะอาศัยเหตุปัจจัยที่ไม่เที่ยง อายตนะภายในซึ่งเป็นผลปรากฏย่อมไม่เที่ยงด้วย
เมื่อจิตทำหน้าที่รับรู้อารมณ์ผ่านอายตนะแล้วจะดับไปตามสภาวะลักษณะอาการของ ไตรลักษณ์ คือ การเกิด-ดับ การบีบคั้น และความไม่มีแก่นสารสามารถสงเคราะห์เข้าในอริยสัจ ปฏิจจสมุปบาท เป็นต้น
     

          หลักการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในอัชฌัตตานิจจสูตรดำเนินตามแนวปฏิบัติตามหลัก    มหาสติปัฏฐาน ๔ มีการกำหนดรู้ในกาย เวทนา จิต และธรรม เพื่อทำให้จิตรู้เห็นสภาวะจริงซึ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาจนเกิดวิปัสสนาญาณ พิจารณาเห็นการสืบต่อของสันตติ ซึ่งทำหน้าที่ปิดบังไม่ให้เห็นความเป็นอนิจจัง อิริยาบถปิดบังไม่ให้เห็นความเป็นทุกขัง และฆนสัญญาปิดบังไม่ให้เห็นความเป็นอนัตตา ซึ่งเป็นเครื่องปิดบังลักษณะของรูปนามที่มีสภาวะการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เมื่อการกำหนดรู้ด้วยความเพียร มีสติสัมปชัญญะพยายามอย่างต่อเนื่อง ย่อมทำให้เกิดปัญญาญาณรู้แจ้งชัดตามความเป็นจริงว่า อายตนะภายในทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา ในการปฏิบัติเมื่อรู้เกิดปัญญาญาณเห็นอนิจจังแล้วชื่อว่าได้รู้เห็นทุกขังกับอนัตตาพร้อมกันไป เมื่อรู้เห็นทุกขังแล้วชื่อว่าได้รู้เห็นอนิจจังกับอนัตตาพร้อมกันไป เมื่อรู้เห็นอนัตตาแล้วอนิจจังกับทุกขังชื่อว่าได้รู้เห็นพร้อมกันไป เพราะว่าความเป็นไตรลักษณ์มีความปรากฏอยู่ร่วมกันแยกกัน และเป็นอาการของปรมัตถ์สัจจะ      จิตจึงหลุดพ้นจากความหลง การยึดมั่นถือมั่น และกิเลสอุปาทาน เพราะบรรลุถึงมรรคญาณ ผลญาณตามลำดับ

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕