หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » พระมหาลือชา หิตภทฺโท (วิทิตภัทรภาคย์)
 
เข้าชม : ๑๙๙๘๔ ครั้ง
ศึกษากระบวนการของญาณในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท
ชื่อผู้วิจัย : พระมหาลือชา หิตภทฺโท (วิทิตภัทรภาคย์) ข้อมูลวันที่ : ๒๗/๐๓/๒๐๑๘
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(วิปัสนาภาวนา)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  พระมหาชิต ฅานชิโต
  -
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
 
บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

 

 

            สารนิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์ ๒ ประการคือ ๑) เพื่อศึกษาญาณในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท ๒) เพื่อศึกษากระบวนการของญาณในคัมภีร์พุทธศาสนาเถรวาท โดยการศึกษาข้อมูลจากคัมภีร์
พุทธศาสนาเถรวาทคือ พระไตรปิฎก อรรถกถา รวมทั้งข้อมูลจากเอกสารวิชาการที่เกี่ยวข้อง แล้วนำมาเรียบเรียง บรรยาย ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลการศึกษาวิจัยพบว่า

 

 

 

            “ญาณคือญาณทัสสนะ เป็นอริยญาณ หรืออริยปัญญา เป็นปัญญาระดับสูงสุดใน
พุทธศาสนา
เป็นญาณที่รู้เห็นสภาวปรมัตถธรรมตามที่เป็นจริง คือนามและรูปปรมัตถ์ตามความเป็นจริง โดยกระบวนการของญาณมีการเข้าประกอบในบทธรรมทั้งปวงที่เป็นฝ่ายกุศล (กุสลา ธมฺมา) และที่เป็นฝ่ายอัพยากฤต (อพฺยากตา ธมฺมา) ยกเว้นบทธรรมฝ่ายอกุศล (อกุสลา ธมฺมา) ที่กระบวนการของญาณไม่มีการเข้าประกอบ อนึ่ง องค์ฌานทั้งปวงก็มีกระบวนการของญาณเข้าประกอบทั้งสิ้น ทั้งมีความเกิด-ดับทุกขณะจิต กระบวนการของญาณมีการรู้แจ้งซึ่งสภาวธรรมตามความเป็นจริงเป็นลักษณะ มีการกำจัดความหลงทำให้แจ่มแจ้งเป็นกิจ มีความไม่หลงเป็นผลปรากฏ มีสมาธิเป็นเหตุใกล้ โดยกระบวนการของญาณเป็นไปตามลำดับในวิสุทธิ และญาณ ๑๖ ให้สำเร็จกิจส่งทอดกันเป็นชั้นๆ ไม่สลับขั้นตอนกัน ประหานกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษเป็นสมุจเฉทปหานภายในขณะจิตเดียวเท่านั้น มัคคญาณใดที่เคยเกิดแล้วแก่บุคคลใด มัคคญาณนั้นจักไม่เกิดแก่บุคคลนั้นอีก ดังนั้น ตลอดกาลนิรันดร์ของบุคคลหนึ่งๆ ย่อมสิทธิ์ที่มัคคญาณเกิดได้สี่ขณะจิตเท่านั้น ไม่ยิ่งและหย่อนกว่านี้ ผู้ที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ใน ๒๖ ภูมิ (เว้นสุทธาวาส ) มัคคญาณจึงยังไม่เคยเกิดเลย สิทธิ์ทั้งสี่จึงยังอยู่ครบถ้วนเท่าเทียมกัน

 

            พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกประเภท คือพระปัญญาธิกสัมพุทธเจ้า พระวีริยาธิกสัมพุทธเจ้า พระสัทธาธิกสัมพุทธเจ้า รวมตลอดถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยเจ้าทุกประเภท มี
พระอสีติมหาสาวก
พระอรหันตปฏิสัมภิทา เป็นต้น ย่อมมีการสร้างสมสั่งสมพระบารมีมายิ่งยวดเข้มข้นที่แตกต่างกันในด้านต่างๆ ตลอดทั้งระยะเวลาที่ไม่เท่ากันก็มี ต่อเมื่อขณะที่ตรัสรู้ล้วนต้องตรัสรู้ด้วยมัคคญาณ คือพระสัพพัญญุตญาณ กล่าวคือบรรลุด้วยญาณทัสสนะภายในขณะจิตเดียวของ
มัคคญาณนั้นๆ
ทั้งสิ้น ผลญาณเกิดขึ้นต่อทันทีโดยไม่มีระหว่างคั่น (อกาลิโก) เป็นวิบากตามระดับการสร้างสมบารมีของแต่ละพระองค์แต่ละท่าน

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕